สัญลักษณ์รหัสบนยางรถยนต์ บอกอะไรได้บ้าง?


สัญลักษณ์  รหัสที่แก้มยางบอกอะไรได้บ้าง ?

                   การจะเปลี่ยนยางรถยนต์ใหม่นั้นเราต้องรู้ว่ารถเราใส่ยางเบอร์อะไร โดยดูได้จากแก้ม ยางเดิมที่เคยใส่ ว่าใส่เบอร์อะไร โดยที่แก้มของยางรถยนต์จะบอกขนาดของยาง, ผู้ผลิต, รุ่น, อัตราสูงสุดของการเติมลม, ความสามารถในการรับน้ำหนัก, ความเร็วสูงสุดที่สามารถรับ(วิ่ง)ได้, วันที่ผลิต(สัปดาห์/ ปี ค.ศ.), และข้อความเตือนเกี่ยวกับความปลอดภัยต่างๆ ได้แก่ 
- ตำแหน่งวัดการสึกหรอของดอกยาง
- ชื่อผู้ผลิต
- ความกว้างของหน้ายาง
- อัตราความสูงของแก้มยางต่อความกว้างของหน้ายาง (ซีรีส์) มีหน่วยเป็นเปอร์เซ็นต์
- เส้นผ่าศูนย์กลางกระทะล้อ (หน่วยเป็นนิ้ว)
- ดัชนีการรับน้ำหนัก (Load  Index)
- สัญลักษณ์ความเร็ซ (Speed  Symblo)
- ชื่อรุ่นยางของผู้ผลิต





ตัวอย่างเช่น P185/75 R14 82S DOT 0500
  • P หมายถึง ถูกออกแบบให้ใช้กับรถยนต์นั่ง (passenger car)
  • 185 หมายถึง หน้ากว้างของยาง (section width) ซึ่งมีหน่วยวัดเป็นมิลลิเมตร
  • 75 หมายถึง ความกว้างของแก้มยาง มีหน่วยเป็นเปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบสัดส่วนกับหน้ากว้างของยาง
  • R หมายถึง เป็นยางเรเดียล ซึ่งยางเกือบทั้งหมดเป็นยางเรเดียลอยู่แล้ว ในบางโอกาสอาจจะเห็นอักษรตัวอื่น ซึ่งมีอยู่น้อยมาก เช่น D หรือ B ซึ่งแสดงถึงว่าเป็นยางแบบ bias ply tire (ห้ามใช้ยางแบบเรเดียล และ bias ply tire) ผสมกัน
  • 14 หมายถึง เส้นผ่าศูนย์กลางของกะทะล้อ มีหน่วยวัดเป็นนิ้ว
  • 82 หมายถึง ดรรชนีน้ำหนักบรรทุก (load index) ซึ่งกำหนด โดยผู้ผลิตยาง (Rubber ManufacturersAssociation)
  • S หมายถึง ความสามารถในการทำความเร็วสูงสุด (Tire’s maximum speed rating)
    • Q ความเร็วสูงสุดไม่เกิน 160 กม./ชม. (99 mph)
    • S ความเร็วสูงสุดไม่เกิน 180 กม./ชม. (112 mph)
    • T ความเร็วสูงสุดไม่เกิน 190 กม./ชม. (118 mph)
    • H ความเร็วสูงสุดไม่เกิน 200 กม./ชม. (124 mph)
    • V ความเร็วสูงสุดไม่เกิน 240 กม./ชม. (149 mph)
    • Z ความเร็วสูงสุดมากกว่า 240 กม./ชม. (149 mph)
      (ข้อ ควรระวัง อย่าเลือกใช้ยางที่ความสามารถในการทำความเร็วต่ำกว่าที่รถรุ่นนั้นๆกำหนด และอย่าใช้ยางที่ความสามารถในการทำความเร็วต่างกันใช้ร่วมในรถคันเดียวกัน)
    • 0500 หมายถึง วันที่ผลิต
      •  ตัวเลขหลังตัวอักษร DOT เป็นเลข 3-4 หลัก จะบอกถึงวันที่ผลิต
      • ตัวเลข 2 ตัวแรก 05 บอกถึงสัปดาห์ที่ทำการผลิตในที่นี้คือ สัปดาห์ที่ 5 ของปี
      • ตัวเลข 2 ตัวหลัง 00 บอกถึงปีที่ผลิต ในที่นี้คือปี ค.ศ. 2000


  การเลือกใช้ยางรถยนต์ 
1. ควรเลือกใช้ขนาดของยาง  ชนิดโครงสร้างยาง  ลักษณะดอกยางและความลึกของร่องดอกยางให้เหมาะสมกับ
     สภาพการใช้งาน
2. ควรเลือกขนาดความกว้างของกระทะล้อ  ให้เหมาะสมกับยางขนาดนั้น ๆ (ประมาณ  70 – 75 % ของความกว้างยาง)

การคำนวนเรื่องขนาดยาง
มีคำถาม บ่อยครั้ง ที่ท่านเจ้าของ รถยนต์ อยากที่จะเปลี่ยนล้อให้ใหญ่ขึ้น ซึ่งในการเปลี่ยนล้อ สิ่งที่ลืมไม่ได้ก็คือ ขนาดของยาง จะใช้ขนาดไหนดี ?   อันนี้เราขอแนะนำให้พยายามเลือก ขนาดยางใหม่  ให้มีความสูง หรือ จะเรียกแบบเป็นทางการว่า เส้นผ่าศูนย์กลาง   ให้มีขนาดหลังเปลี่ยนแล้ว ใกล้เคียงของเดิม ( Standard ) มากที่สุด  เพราะจะได้ไม่เกิดผลข้างเคียง เช่น วิ่งไม่ออก , กินน้ำมัน , ติดซุ้ม , ติดโช๊ค  เป็นต้น    
ดังนั้น เราลองมาหาขนาด ยางใหม่  โดยใช้วิธีการคำนวนง่ายๆ  แต่ทั้งนี้ เราต้องหาตัวเลขที่ยาง  เพื่อนำมาเป็นข้อมูลด้วยนะครับ    ลองดูตามนี้ได้เลยครับ...
สูตรคำนวน  D = ( W x S% x 2 ) + d
D  = ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางของยาง (หน่วยเป็น มม. )
W = ความกว้างของยาง
S =  ซีรี่ย์ยาง คิดเป็น % แต่ต้อง คูณ  2 เพราะต้องคิดทั้ง 2 ข้าง บนและล่าง
d = เส้นผ่าศูนย์กลางของล้อ
ตัวอย่างที่ 1    ขนาดยาง 195 / 55 / R15
W = 195
S = 55% ของ 195 ( 195 x 55% ) x 2 ได้ผลลัพธ์ เท่ากับ 214.5 มม.
d = 15 นิ้ว ( ทำเป็น มม. จะได้ 15 x 25.4 ได้ผลลัพธ์ เท่ากับ 381 มม. )
ดังนั้น ขนาดของเส้นผ่าศูนย์กลาง ได้เท่ากับ   214.5 + 381 = 595.5 มม.
ตัวอย่างที่ 2    ขนาดยาง 205 / 45 / R16
W = 205
S = 45% ของ 205 ( 205 x 45% ) x 2 ได้ผลลัพธ์ เท่ากับ 184.5 มม.
d = 16 นิ้ว ( ทำเป็น มม. จะได้ 16 x 25.4 ได้ผลลัพธ์ เท่ากับ 406.4 มม. )
ดังนั้น ขนาดของเส้นผ่าศูนย์กลาง ได้เท่ากับ   184.5 + 406.4 = 590.9 มม.
    ดังนั้น  หากท่านใดที่จะเปลี่ยนขนาดล้อและยาง  ก็ต้องคำนวน ขนาดความสูงออกมาให้ใกล้เคียงกับขนาดยางเดิม มากที่สุด ถึงจะไม่มีผลข้างเคียงต่อการขับขี่ 

0 ความคิดเห็น: